ไขข้อสงสัย? เชื้อโรคในอากาศมาจากทางไหน

เชื้อโรคในอากาศถือเป็นภัยเงียบที่สามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของคนเราได้หลายวิธี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนของอากาศจากมลพิษและเชื้อโรคสูง อย่างเช่น กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่ และจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นต่าง ๆ การไอ จาม หรือหายใจรดกัน ถือเป็นช่องทางหลักที่ทำให้เชื้อโรคสามารถกระจายในอากาศและติดต่อไปยังบุคคลอื่นได้

ในวงจรชีวิตหนึ่งวันของคนเรา มีการหายใจเพื่อนำเอาอากาศเข้าไปในร่างกายเป็นจำนวนมาก โดยเฉลี่ยแล้วอัตราการหายใจต่อวันของคนที่มีสุขภาพปกติจะสูงถึง 20,000 – 30,000 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว จากการวิเคราะห์ข้อมูล ในปี พ.ศ. 2563 รายงานว่า 3 ใน 5 เมืองใหญ่ของโลกจากทวีปเอเชีย มีผู้เสียชีวิตจากผลกระทบทางอากาศมากถึง 160,000 ราย ได้แก่ เมืองเดลี ประเทศอินเดีย 54,000 คน เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 40,000 คน และเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน 39,000 คนเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยค่ะ ที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะผลกระทบด้านอากาศเพียงอย่างเดียว
เชื้อโรคในอากาศสามารถมาจากหลายแหล่งที่แตกต่างกันได้ ดังนี้
  1. ละอองฝอยจากการไอหรือจาม : เมื่อคนที่ติดเชื้อไอหรือจาม ละอองฝอยเล็ก ๆ ที่มีเชื้อโรคสามารถลอยอยู่ในอากาศและแพร่กระจายไปสู่คนอื่นได้
  2. ฝุ่นละอองและอนุภาคขนาดเล็ก : เชื้อโรคบางชนิดสามารถติดมากับฝุ่นละอองหรืออนุภาคขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศ และเมื่อคนสูดอากาศเข้าไปก็อาจทำให้ติดเชื้อได้
  3. เชื้อรา : สปอร์ของเชื้อราที่เกิดจากการเน่าเสียของสิ่งมีชีวิต เช่น ใบไม้หรืออาหารที่ทิ้งไว้ เชื้อรานี้สามารถลอยอยู่ในอากาศและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหากสูดหายใจเข้าไป
  4. การปล่อยเชื้อโรคจากพื้นผิว : เมื่อพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อโรคถูกสัมผัสและเชื้อโรคนี้ถูกปล่อยเข้าสู่อากาศผ่านการกวาด การเช็ด หรือการทำความสะอาด
  5. ระบบระบายอากาศและเครื่องปรับอากาศ : หากระบบเหล่านี้ไม่ได้รับการดูแลหรือทำความสะอาดอย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่ถูกพัดพาไปทั่วพื้นที่
  6. การแพร่กระจายจากสัตว์หรือแมลง : สัตว์เลี้ยงหรือแมลงสามารถนำพาเชื้อโรคต่าง ๆ เข้ามาในบ้านหรือที่ทำงาน ทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายในอากาศ
  7. การไอ จาม: เมื่อเราหรือคนรอบข้างไอหรือจาม ละอองน้ำลายที่มีเชื้อโรคจะกระจายออกไปในอากาศ
  8. การพูด: การพูดก็ทำให้เกิดละอองน้ำลายขนาดเล็กที่อาจมีเชื้อโรคปะปนอยู่ได้
  9. การทำความสะอาด: การปัดกวาด ทำความสะอาดบ้านหรือที่ทำงาน อาจทำให้ฝุ่นละอองที่บรรจุเชื้อโรคปลิวกระจายไปในอากาศ
  10. สัตว์เลี้ยง: ขนสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว สามารถพาเชื้อโรคมาติดตัวได้ และเมื่อสัตว์เหล่านี้ขยับตัวหรือถูกเราสัมผัส ก็อาจทำให้เชื้อโรคกระจายไปในอากาศได้
  11. ระบบระบายอากาศ: ในอาคารที่ใช้ระบบระบายอากาศที่ไม่ดีพอ อาจทำให้เชื้อโรคสะสมและแพร่กระจายได้ง่าย
  12. สิ่งปฏิกูล: สิ่งปฏิกูลจากสัตว์หรือมนุษย์ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกสุขลักษณะ อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและทำให้เกิดละอองที่ปนเปื้อนเชื้อโรคได้
การแพร่เชื้อของโรคติดต่อผ่านละอองธุลีที่สามารถอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานานและสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่นได้ โรคที่สามารถแพร่เชื้อทางอากาศได้มีหลายโรค ทั้งที่พบในมนุษย์และในสัตว์ เชื้อก่อโรคนั้น ๆ อาจเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา สามารถแพร่ผ่านการหายใจ การพูด การไอ จาม การปัดฝุ่น การพ่นสเปรย์ การกดน้ำที่โถชำระ และกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดอนุภาคละอองลอย (aerosol) หรือละอองฝอย (droplets) โดยทั่วไปแล้วโรคติดต่อที่แพร่เชื้อทางอากาศจะไม่นับรวมโรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ เช่น สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย แก๊สที่มีพิษต่อร่างกาย หรือฝุ่นอนุภาคอื่น ๆ เชื้อโรคในอากาศที่พบบ่อย ได้แก่ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และสปอร์ของเชื้อรา
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคในอากาศ ได้แก่
  • ขนาดของละออง: ละอองที่มีขนาดเล็กจะลอยอยู่ในอากาศได้นานกว่าละอองขนาดใหญ่
  • ความชื้น: ความชื้นในอากาศที่สูงจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด
  • อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี
  • การไหลเวียนของอากาศ: การไหลเวียนของอากาศที่ไม่ดีจะทำให้เชื้อโรคสะสมอยู่ในที่แคบ
วิธีป้องกันตัวเองจากเชื้อโรคในอากาศ
  • สวมหน้ากาก: โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน หรือเมื่อมีอาการไอ จาม
  • ล้างมือบ่อยๆ: ใช้สบู่และน้ำสะอาดล้างมือให้สะอาด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: โดยเฉพาะบริเวณปาก จมูก และตา
  • ทำความสะอาดบ้าน: โดยเฉพาะพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย เช่น โต๊ะ เก้าอี้ มือจับประตู
  • ระบายอากาศ: เปิดหน้าต่างบ่อยๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท
ฉีดวัคซีน: เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ
ในอากาศมีมลพิษอะไรบ้าง
ในประเทศไทยหน่วยงานที่ดูแลและรายงานเรื่องมลภาวะในอากาศคือ กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งรายงานดัชนีคุณภาพอากาศหรือที่เรียกว่า Air quality index (AQI) เป็นค่าที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย สื่อถึงมลพิษทางอากาศที่อันตรายต่อสุขภาพรวม 6 ชนิด ได้แก่
  • ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เป็นฝุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้ทั้งจากยานพาหนะ การเผาวัสดุการเกษตร ไฟป่า และกระบวนการอุตสาหกรรม สามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอดได้ ทําให้ปอดเสื่อม หลอดลมอักเสบ มีอาการหอบหืด
  • ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เป็นฝุ่นที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 10 ไมครอน เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาในที่โล่ง กระบวนการอุตสาหกรรม การบด การโม่ หรือการทําให้เป็นผงจากการก่อสร้าง เมื่อหายใจเข้าไปสามารถเข้าไปสะสมในระบบทางเดินหายใจ อันตรายต่อสุขภาพ
  • ก๊าซโอโซน (O3) เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา เยื่อบุต่างๆ และระบบทางเดินหายใจ ความสามารถในการทำงานของปอดลดลง เหนื่อยเร็ว โดยเฉพาะในเด็ก คนชรา และคนที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง
  • ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเชื้อเพลิง ก๊าซชนิดนี้จะไปแย่งจับกับฮีโมโกลบินในเลือด ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่างๆ ของร่างกายลดน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการอ่อนเพลีย และหัวใจทำงานหนักขึ้น
  • ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ ในอุตสาหกรรม มีผลต่อระบบการมองเห็นและผู้ที่มีอาการหอบหืดหรือ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
  • ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่มีกำมะถัน (ซัลเฟอร์) ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ หากได้รับเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังได้
ทั้งนี้ นอกจากคุณภาพอากาศหรือมลพิษในอากาศจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพปอด หัวใจ และหลอดเลือดโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผิวหนัง สุขภาพผิว สร้างปัญหาผิวแก่ก่อนวัย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ได้อีกด้วย การควบคุมคุณภาพอากาศและการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคในอากาศ

ปกป้อง 🛡 พื้นที่ของคุณด้วยบริการจาก ” ดี ไฮจีนิค ” เทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากประเทศเยอรมนี ฆ่าเชื้อในทันทีพร้อมเคลือบปกป้องทุกพื้นผิวได้ยาวนาน 2-3 เดือน 

☑️ เทคโนโลยี Fogging ควัน กำจัดเชื้อโรคทันทีได้ทั่วทุกพื้นที่
☑️ เคลือบปกป้องทุกพื้นผิวได้ยาวนาน 2-3 เดือน
☑️ น้ำยาออร์แกนิค food grade 🍀 ไม่มีสารเคมีตกค้าง
☑️ ไม่เป็นอันตรายต่อ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะไม่มีความชื้น
☑️ ด้วยระบบควัน จึงไม่ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค
☑️ ไม่ต้องทำความสะอาดเช็ดถูพื้นที่ซ้ำ
☑️ บริการถึงที่ฟรีไม่มีค่าเดินทาง (สำหรับกทม.และปริมณฑล)
Scroll to Top