DE HYGIENIQUE x ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า ในฟูกเตียงนอนที่ไม่เคยทำความสะอาดในรูปแบบที่ถูกต้อง อาจมีไรฝุ่นสะสมได้มากถึง 2 ล้านตัวเลยทีเดียว
ไรฝุ่นยังเป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ และถือเป็นภัยร้ายเงียบอันดับต้น ๆ ที่หลายคนมองข้ามไป โดยหนึ่งในโรคที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ เกิดสารก่อภูมิแพ้ ทำให้มีโอกาสติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และในกรณีที่ร้ายแรงที่สุด ก็อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้..
ทำไมไรฝุ่นถึงน่ากลัวได้ขนาดนี้ แล้วเราจะต่อสู้กับตัวการที่ทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้นี้ ได้อย่างไร ?
ข้อมูลจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ระบุว่า ไรฝุ่น คือแมลงที่มีขนาดเล็กมาก จนเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยตัวมันมีความยาวเพียง 0.1 – 0.3 มิลลิเมตร มีขนาดเทียบเท่ากับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM10 ไรฝุ่นจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมอุ่นชื้น อุณหภูมิประมาณ 25 – 30 องศาเซลเซียส และไม่ชอบแสงสว่าง จึงเป็นสาเหตุที่เราสามารถพบไรฝุ่นได้ตามที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม ผ้าม่าน ตุ๊กตา โดยไรฝุ่นและมูลที่มันถ่ายออกมา จะกระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจของเราทางจมูก จากนั้นก็จะไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ขึ้นในทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการคัดจมูก คัน จาม ไปจนถึงอาการหอบหืดตามมา และกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หากร่างกายเราไม่มีภูมิต้านทานมากพอ เราลองนึกภาพตามว่า หากเราต้องใช้เวลานอนหลับหรืออยู่บนเตียงอย่างน้อย 5-6 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมกับไรฝุ่นกว่า 2 ล้านตัวที่อยู่บนเตียง
ลองจินตนาการดูว่าทุกครั้งที่เราหายใจเข้าไป เราจะสูดไรฝุ่นเข้าไปมากขนาดไหน..และอีกปัญหาที่ตามมาก็คือ การรักษาโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่น มีค่ารักษาแพง เพราะฉะนั้นควรดูแลที่ต้นเหตุของการเกิดภูมิแพ้ ซึ่งงานวิจัยของโรงพยาบาลศิริราช ก็ได้ระบุว่าที่นอนคือแหล่งสะสมของไรฝุ่นมากที่สุด และจากปัญหาเหล่านี้เอง จึงทำให้ “ดี ไฮจีนิค” เกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้บนที่นอน เพื่อลดต้นเหตุของโรคร้ายแรง และค่าใช้จ่ายที่บานปลาย
แล้ว “ดี ไฮจีนิค” คืออะไร ?
ดี ไฮจีนิค คือบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมกำจัดไรฝุ่นเชิงลึกเพื่อสุขภาพ และนำเข้านวัตกรรมกำจัดไรฝุ่นจากประเทศเยอรมนี มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการกำจัดไรฝุ่นนานกว่า 14 ปี และดี ไฮจีนิค ก็เป็นแบรนด์ในระดับสากล ที่มีการขยายสาขาทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ
โดย ดี ไฮจีนิค จะเน้นทำความสะอาดแบบซานิไทส์ซิ่ง (Sanitizing) หรือก็คือ การฆ่าเชื้อโรคแบบแห้งและปลอดสารเคมี 100% เน้นเจาะลึกทำความสะอาดที่นอน และเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ พร้อมเคลือบปกป้องทุกพื้นผิว และยังมีรังสี UVC ช่วยกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส รวมถึงไรฝุ่น เพื่อไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้อีกด้วย
ซึ่งนวัตกรรมซานิไทส์ซิ่ง และบริการพ่นควันฆ่าเชื้อโรค (Fogging Service) มีลิขสิทธิ์มาจาก บริษัท POTEMA การันตีด้วยรางวัลใบเกียรติคุณจาก ECARF หรือองค์กรวิจัยโรคภูมิแพ้จากยุโรป
แล้วนวัตกรรมซานิไทส์ซิ่ง ต่างจากการดูดฝุ่นธรรมดาอย่างไร ?
แน่นอนว่า การใช้นวัตกรรมซานิไทส์ซิ่งนั้น แตกต่างจากการดูดฝุ่นธรรมดาทั่วไป เพราะการขจัดไรฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ควรผ่านระบบสุญญากาศหลายระดับด้วยเครื่องดูดพิเศษ รวมทั้ง การฆ่าเชื้อโรค ยังทำด้วยกระบวนการทำงานของรังสีอัลตราไวโอเลตเข้มข้น (UVC) วิธีการนี้เป็นกระบวนการที่ได้รับการยอมรับในด้านการแพทย์ที่น่าสนใจก็คือ ดี ไฮจีนิค ยังให้บริการครอบคลุมทั้งหมดแบบ One Stop Service สำหรับการบริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ที่ตอบโจทย์มากขึ้น เช่น พรม โซฟา ผ้าม่าน รวมถึงบริการพ่นควันฆ่าเชื้อโรค ซึ่งสามารถฆ่าโควิดได้
โดยจุดเด่นที่ทำให้ ดี ไฮจีนิค มีความแตกต่างจากผู้ให้บริการฆ่าเชื้อเจ้าอื่น ๆ นั่นคือ
การใช้น้ำยาออร์แกนิกสกัดจากธรรมชาติ เกรดอาหารและยา ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ด้วยกระบวนการฆ่าเชื้อที่ไม่ทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค และไม่ต้องทำความสะอาดเช็ดถูพื้นที่ซ้ำอีกรอบ
การให้บริการฆ่าเชื้อโรคแบบแห้ง จึงพร้อมใช้งานได้ทันที 30 นาที หลังการให้บริการ
การตรวจวัดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ด้วย Acarex Test ทั้งก่อนและหลังให้บริการ
ที่สำคัญทางบริษัทให้ความสำคัญกับคุณภาพของการให้บริการ โดยหลังจากที่คุณภาคิน สุดประเสริฐ ขึ้นมารับตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร ก็ได้พัฒนางานด้านการบริการจนทำให้บริษัทเติบโตขึ้นถึง 300%
โดยบุคลากรที่ต้องทำหน้าที่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ จะต้องได้รับการอบรมมาจาก โรงพยาบาลศิริราช เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้และการดูแลระดับความสะอาดอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจที่ บริษัท ดี ไฮจีนิค จะได้รับความไว้วางใจมานานกว่า 14 ปี และกลายเป็นหนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรคแบบมืออาชีพ ตัวอย่างบริษัทชั้นนำในประเทศไทยที่เป็นลูกค้าของ ดี ไฮจีนิค ล้วนเป็นแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี
เช่น Prada, Louis Vuitton, Cartier, Audi, BMW, King Power, Grand Hyatt, AP, Gulf, Plan B และแบรนด์ Hi End อีกมากมาย จากทั้งหมดนี้ คงจะเห็นแล้วว่า ไรฝุ่น คือภัยเงียบที่ใกล้ชิดเรามากที่สุดตอนนอน นอกจากจะเป็นภัยร้ายทำลายสุขภาพของเราแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ไม่สลายหายไป หากเราไม่ขจัดมัน
ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงให้ความสำคัญกับการขจัดไรฝุ่น เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนใกล้ชิด และนี่เองจึงทำให้ ดี ไฮจีนิค ยังคงต้องต่อสู้กับสารก่อภูมิแพ้เคียงข้างลูกค้ามานานกว่า 14 ปีนั่นเอง..
References: https://www.facebook.com/100044610421582/posts/1219613255237947/?rdid=Ue7h6eadXLhF1yuQ
การดูแลที่นอน ไม่ใช่จุดประสงค์เพียงในเรื่องความสะอาดอย่างเดียว แต่ประโยชน์ที่สำคัญนั่นคือ เพื่อสุขภาพที่ดีของเราและคนใกล้ชิด โดยเฉพาะเด็กเล็ก หากเราไม่เริ่มจากการแก้ไขมลภาวะที่เป็นพิษจากสิ่งใกล้ตัวภายในบ้าน อย่างที่นอน ร่างกายเราก็จะอ่อนแอจากโรคภูมิแพ้ที่ไม่มีวันหายได้ “ดี ไฮจีนิค” ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยคุณกำจัดไรฝุ่นออกไปจากที่นอนซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้
กระบวนการในการฆ่าเชื้อโรคและซานิไทส์เซชั่นที่นอนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
1.ขั้นตอนการแยกอนุภาคฝุ่นออก
ระบบจะใช้วิธีการสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ระดับสูงไปยังที่นอน (Pulverization) เพื่อที่จะทำให้อนุภาคของฝุ่นและสิ่งสกปรกที่ฝังลึกอยู่ในที่นอนนั้นหลุดออกมา
2.ขั้นตอนการแยกสิ่งสกปรก
การใช้สูญญากาศดึงเอาสิ่งสกปรกและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก รวมถึงไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นที่มีสารก่อภูมิแพ้ ออกจากที่นอน
3.ขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรค
การฉายแสงรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต Type C หรือ UV-C ชนิดเข้มข้น สามารถฆ่าเชื้อโรคทั้งหมด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.ขั้นตอนการปกป้องที่นอนในระยะยาว
ในขั้นตอนสุดท้ายของระบบการซานิไทส์ ด้วยประสิทธิภาพของสเปรย์โปเตม่าที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนี และยังได้รับสิทธิบัตรและการยอมรับในระดับสากล ฉีดลงบนพื้นผิวเพื่อการฆ่าเชื้อโรคพร้อมยับยั้งการเจริญเติบโตของไรฝุ่นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน 2-3เดือน
“ดี ไฮจีนิค” บริการทำความสะอาดพร้อมฟื้นฟูสุขอนามัยแบบครบวงจร เพื่อประสิทธิภาพการนอนที่ดีขึ้น ด้วยนวัตกรรมจากประเทศเยอรมนี
“ดี ไฮจีนิค” ยืนหนึ่ง ด้านบริการทำความสะอาดพร้อมฟื้นฟูสุขอนามัยแบบครบวงจร ด้วยนวัตกรรมจากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มีสาขาทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ
บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค ที่นอน พรม โซฟา ผ้าม่าน อันดับ 1 ของโลก ลิขสิทธิ์นำเข้าจากเยอรมนี
ระบบและขั้นตอนที่ทันสมัย แห้งและปลอดสารเคมี
ได้รับการรับรองผลลัพธ์และความปลอดภัยจาก ECARF (องค์กรวิจัยโรคภูมิแพ้ยุโรป)
มีบริการตรวจสอบปริมาณไรฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ฟรี หรือประเมินพื้นที่ก่อนให้บริการจริง
⠀⠀⠀