บริการอบโอโซน ฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
พร้อมปรับสภาพอากาศให้สะอาดถูกหลักอนามัย
สิ่งที่เราแตกต่างจากคนอื่น
แห้ง 100%
เทคนิคการฆ่าเชื้อโรคไม่เพิ่มความชื้นในอากาศ
สะดวก 100%
สามารถใช้งานได้ทันทีหลังจากทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค
ปลอดภัย 100%
น้ำยาฆ่าเชื้อโรคปราศจากสารเคมี ปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง
ถูกสุขอนามัย 100%
รับรองความปลอดภัยและสุขอนามัย
มลพิษทางอากาศอาจส่งผลให้เกิดโรคทางเดินหายใจและอาการแพ้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอากาศภายในพื้นที่อับชื้นซึ่งเป็นอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ด้วยบริการโอโซนของดีไฮจีนิค จะใช้หลักการของอากาศบริสุทธิ์ล้างกลิ่นเหม็นอับและฆ่าเชื้อโรค ไวรัสในห้องนั้นทั้งหมดในคราวเดียว ซึ่งจะสามารถปรับปรุงคุณภาพอากาศให้สะอาดตามหลักอนามัยได้โดยไม่มีสารตกค้าง
บริการอันดับ 1 ของประเทศไทย
เราเลือกใช้ต้นแบบเครื่องมือในการซานิไทส์ซิ่งและฆ่าเชื้อโรค ซึ่งถูกออกแบบและจดสิทธิบัตรที่ประเทศเยอรมนีในปี พศ.2532 ได้รับการยอมรับโดยผู้ใช้ระบบนี้มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
ได้รับการรับรองและเชื่อถือในวงกว้างจากวารสารนิตยสารนานาชาติ และได้รับการพิสูจน์แล้วจากห้องปฏิบัติการด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นระบบการซานิไทส์และฆ่าเชื้อโรคที่นอนเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลและใบเกียรติคุณจาก ECARF (European Center For Allergy Research Foundation)
เป็นที่รับรู้โดยผ่านการรับชมในรายการโทรทัศน์ในหลายๆ ประเทศสำหรับผลลัพธ์ของการซานิไทส์ และฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในที่พักอาศัยและโรงแรมชั้นนำทั่วโลก
ขั้นตอนและกระบวนการ
กระบวนการในการโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคและซานิไทส์เซชั่นอากาศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
1.เครื่องดูดอากาศและปล่อยประจุ
เครื่องผลิตโอโซนจะแยกโมเลกุลออกซิเจน (O2) ออกเป็นอะตอมเดี่ยว ที่จะไปยึดติดกับโมเลกุลออกซิเจนอื่น ๆ ในอากาศเพื่อสร้างโอโซน (O3) ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อราแบคทีเรียและไวรัส ซึ่งมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสมากกว่าคลอรีน นอกจากนี้ยังช่วยต่อต้านการกลายพันธุ์ของเซลล์ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด
2.ประจุบวกและลบจะทำการฆ่าเชื้อ
โอโซนที่อยู่ในอากาศจะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรครวมถึงขจัดกลิ่นอับ ปรับสภาพอากาศให้บริสุทธิ์ โดยใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 20 นาที
ผลลัพท์คือห้องที่สะอาดปลอดเชื้อ แล้วยังสามารถดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องได้อีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย
คำถามที่เหล่าลูกค้าของเรามักถามกันเป็นส่วนใหญ่
โอโซน (Ozone หรือ O3) มีทั้งดีและไม่ดี
โอโซนที่ดี คือก๊าซที่ประกอบด้วยโมเลกุลจากออกซิเจน 3 อะตอมจะมีจำนวนมากอยู่ในชั้นบรรยากาศที่ระดับความสูงระหว่าง 10 – 50 กิโลเมตรจากพื้นโลก โดยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันรังสีจากดวงอาทิตย์ที่แผ่มาสู่โลก
โอโซนที่ไม่ดี เป็นก๊าซที่มีพิษในอากาศชั้นล่างที่สูงจากพื้นดินไม่เกิน 2 กิโลเมตรมีหลายสิ่งที่ก่อให้เกิดโอโซนที่ไม่ดีในอากาศ เช่น เกิดขึ้นตามธรรมชาติโดยมีแสงสว่างเป็นตัวเร่ง ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องกำเนิดความร้อน จากกระบวนการผลิตในแหล่งอุตสาหกรรม เป็นต้น
หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าโอโซนหมายถึงอากาศที่บริสุทธิ์ที่ไหนมีโอโซนมาก จะคิดว่ามีอากาศที่ดีและสะอาดกว่าปกติ การหายใจเอาโอโซนเข้าไปแล้วจะรู้สึกสดชื่นขึ้น
อันที่จริงแล้วโอโซนไม่ใช่อากาศที่เราควรจะหายใจเอาเข้าไปในปอด เพราะโอโซนเปนก๊าซไม่มีสีแต่มีกลิ่นเหม็นคาว ซึ่งเป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจของสิ่งมีชีวิต และยังมีความไวในการเกิดปฏิกิริยากับสารอื่นๆในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
เครื่องผลิตโอโซนโดย Ultra-Violet:
เครื่องผลิตโอโซนจะแยกโมเลกุลออกซิเจน (O2) ออกเป็นอะตอมเดี่ยวที่จะไปยึดติดกับโมเลกุลออกซิเจนอื่นๆในอากาศเพื่อสร้างโอโซน (O3) โอโซนที่อยู่ในอากาศจะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรครวมถึงขจัดกลิ่นอับ ปรับอากาศให้บริสุทธิ์ และคืนสภาพเป็นออกซิเจน (O2) หลังจากใช้แล้ว โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตราย กระบวนการนี้เรียกว่าออกซิเดชัน ทำให้เป็นสารออกซิไดซ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เครื่องผลิตโอโซนจะผลิตโอโซนที่มีความเข้มข้นไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อทางเดินหายใจ แต่จะช่วยกำจัดกลิ่น ฆ่าเชื้อรา และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นหลังจากการทำงานของเครื่องผลิตโอโซนแล้วจึงทำให้รู้สึกสดชื่นมากขึ้น
อะตอมออกซิเจนที่สามของโอโซนมีปฏิกิริยามากเพราะมันไม่เสถียร อะตอมนี้จะยึดติดกับโมเลกุลกลิ่นอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เมื่อสารปนเปื้อนเช่นกลิ่นแบคทีเรียหรือไวรัสสัมผัสกับโอโซนโครงสร้างทางเคมีของสารเคมีเหล่านี้จะเปลี่ยนเป็นสารประกอบที่มีกลิ่นน้อยลง เมื่อโอโซนโจมตีสารประกอบที่เหลืออยู่มากขึ้นกลิ่นก็จะถูกทำลายในที่สุด กระบวนการนี้เรียกว่าออกซิเดชัน โอโซนจะเปลี่ยนกลับเป็นออกซิเจนหลังจากใช้แล้ว ทำให้เป็นสารออกซิไดซ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก
กลิ่นอับไม่กลับมาแน่นอนเพราะโอโซนที่ถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสมจะสามารถทำลาย (ออกซิไดซ์) แหล่งที่มาของกลิ่น แต่หากในกรณีของโรคราน้ำค้าง (เชื้อรา) กลิ่นจะกลับคืนมาหากไม่ได้กำจัดความชื้นที่ต้นเหตุ เวลาฆ่าเชื้ออาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความแรงของกลิ่น แต่การฆ่าเชื้อด้วยโอโซน 98% นั้นสามารถกำจัดกลิ่นได้ดีที่สุด
- เครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไปใช้วิธีกรองความสกปรกของอากาศด้วยแผ่นกรอง เน้นฝุ่นละอองเป็นหลัก
- ประสิทธิภาพการทำงานขึ้นกับแรงดูดอากาศของพัดลมและคุณภาพของแผ่นกรอง
- ข้อจำกัดคือ ฟอกอากาศได้เฉพาะในส่วนของอากาศที่ดูดเข้าเครื่องได้ จึงไม่สามารถฟอกอากาศ ณ. ซอกมุมอับ หรือกลิ่นที่ติดผนัง พรม เฟอร์นิเจอร์ได้
- เครื่องผลิตโอโซน เน้นการกำจัดกลิ่นอับชื้นและกระจายก๊าซโอโซนไปฆ่าเชื้อโรค สลายกลิ่น สลายก๊าซพิษได้ทั่วทั้งห้องรวมถึงภายในเครื่องปรับอากาศ
- ข้อจำกัดคือ การใช้โอโซนไม่เหมาะกับการสูดดมตรงๆ และไม่เน้นเปิดทั้งวันเพราะโอโซนมีสภาพเป็นกรดและมีกลิ่นคล้ายคาวปลา เครื่องโอโซนทุกรุ่นจะต้องมีตัวตั้งเวลาขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานนั้นๆ
ก๊าซโอโซนมีปฏิกริยาออกซิไดซ์รุนแรงมาก ซึ่งจะทำลายเซลล์เนื้อเยื่อของเชื้อโรคแบบเฉียบพลันโดยเฉพาะ เชื้อแบคทีเรียจะตายภายใน 2 นาที โดยมีความสัมพันธ์กันของปัจจัยต่อไปนี้คือ
- ปริมาณก๊าซโอโซนที่ออกมาจากเครื่องผลิตต้องออกมาเต็มประสิทธิภาพ
- ปริมาณน้ำ และปริมาณสิ่งเจือปนในน้ำ (Type and Volume)
- การผสมโอโซนกันน้ำ (Mixing Method)
- เวลาที่ก๊าซโอโซนละลายน้ำ (Contact Time)
- อุณหภูมิ (Temperature)
- ค่า pH ของน้ำที่ต้องการบำบัด
-คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กำหนดค่าเฉลี่ยของก๊าซโอโซนใน 1 ชม.ต้องไม่เกิน 0.10 ppm หรือไม่เกิน 0.20 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร อ้างอิง
-ระดับของโอโซนที่เหมาะสมที่วงการแพทย์ยอมรับคือ ไม่เกิน 0.05 P.P.M. (ข้อมูลจาก F.D.A.)
ไม่เห็นคำถามที่คุณกำลังมองหาใช่ไหม ? สอบถามเพิ่มเติม.
ความคิดเห็นจากลูกค้า
ลูกค้าของเราใช้บริการโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในอากาศและแสดงความคิดเห็นกับเรา