ช่วงฤดูฝนในประเทศไทยมักเป็นเวลาที่บ้านและที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความชื้นซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและโครงสร้างบ้าน เช่น เชื้อรา, กลิ่นอับ, การรั่วซึม และการแพร่กระจายของแมลง ถ้าไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจทำให้บ้านเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นการป้องกันและดูแลบ้านในช่วงหน้าฝนเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกในครอบครัวและยืดอายุการใช้งานของบ้าน
ปัญหาต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในช่วงหน้าฝน วิธีการป้องกันและการแก้ไข
1.ความชื้นสูง: ศัตรูตัวฉกาจของบ้าน
เมื่อฝนตกหนักและต่อเนื่อง ความชื้นในอากาศจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องที่ไม่ค่อยเปิดหน้าต่าง ปัญหาที่มักเกิดขึ้นจากความชื้นสูงคือการเจริญเติบโตของเชื้อรา ซึ่งเชื้อรานั้นไม่เพียงแค่ทำให้เกิดคราบดำหรือเขียวบนผนังหรือเพดานเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิแพ้หรือระบบทางเดินหายใจที่บอบบาง
กลิ่นอับก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากความชื้นสูง แม้ว่าเชื้อราจะไม่มองเห็นได้ง่ายๆ แต่กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าเชื้อรากำลังเติบโตในบ้าน การจัดการความชื้นเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับนี้
วิธีการป้องกัน
- การใช้เครื่องลดความชื้น (dehumidifier) ภายในห้องสามารถช่วยลดความชื้นได้ดี โดยเฉพาะในห้องที่ไม่ค่อยได้รับแสงแดดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก
- เปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลมเพื่อระบายอากาศ และพยายามให้บ้านได้รับแสงแดดบ้างหากเป็นไปได้
- ตรวจสอบและทำความสะอาดพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราเป็นประจำ เช่น ห้องน้ำ หัวเตียง หรือผนังด้านในของตู้เสื้อผ้า
2.การรั่วซึม: ความเสี่ยงต่อโครงสร้างบ้าน
การรั่วซึมของน้ำฝนเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักที่เจ้าของบ้านต้องเผชิญในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะถ้าหลังคาหรือผนังบ้านมีการชำรุด น้ำฝนสามารถรั่วซึมเข้ามาภายในบ้านได้ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งในด้านโครงสร้างและการตกแต่งบ้าน นอกจากนั้น การรั่วซึมยังทำให้เกิดคราบน้ำและเชื้อราขึ้นบนเพดานหรือผนัง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมมากขึ้น
วิธีการป้องกัน
- ควรตรวจสอบสภาพหลังคาและผนังบ้านก่อนถึงฤดูฝน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรอยร้าวหรือจุดที่น้ำฝนสามารถรั่วซึมได้
- ใช้ซีลกันน้ำที่มีคุณภาพดีเพื่ออุดรอยรั่วเล็กๆ ที่อาจพบได้ตามมุมหน้าต่างหรือรอยต่อระหว่างผนัง
- หากพบการรั่วซึมควรรีบซ่อมแซมทันทีเพื่อลดความเสียหายที่อาจขยายตัวมากขึ้น
3.ปลวกและแมลง: ผู้บุกรุกในช่วงหน้าฝน
ในช่วงหน้าฝน สภาพอากาศชื้นจะทำให้ปลวกและแมลงที่ชอบอยู่ในที่ชื้นๆ เช่น ปลวก แมลงสาบ และมด มักจะหาพื้นที่ในบ้านเพื่อหลบฝนหรือสร้างรัง การปล่อยให้แมลงเหล่านี้เติบโตในบ้านไม่เพียงแต่สร้างความไม่สบายใจให้กับผู้อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังทำให้โครงสร้างบ้านโดยเฉพาะที่ทำจากไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ถูกทำลายได้
วิธีการป้องกัน
- ควรตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ไม้และโครงสร้างที่อาจเสี่ยงต่อการถูกรุกรานโดยปลวก เช่น ขอบประตูหรือพื้นไม้
- ใช้สารเคมีหรือยากันปลวกที่ได้รับการรับรอง หรือจ้างบริการกำจัดปลวกจากผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันปลวกอย่างยั่งยืน
- ทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อย หลีกเลี่ยงการสะสมเศษอาหารหรือสิ่งของที่อาจดึงดูดแมลง
4.ปัญหาระบบระบายน้ำ
ท่อระบายน้ำที่อุดตันหรือระบบระบายน้ำที่ไม่ดีสามารถทำให้เกิดน้ำขังหรือน้ำท่วมในพื้นที่รอบบ้านได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการตกแต่งด้วยสวนหรือพื้นสนาม หากน้ำไม่สามารถระบายได้ดี อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของบ้าน รวมถึงสร้างบรรยากาศที่ไม่สบายสำหรับการอยู่อาศัย
วิธีการป้องกัน
- ควรตรวจสอบท่อระบายน้ำและรางน้ำว่ามีเศษขยะหรือสิ่งอุดตันหรือไม่ และทำความสะอาดก่อนที่ฝนจะเริ่มตกหนัก
- ปรับระดับพื้นดินรอบบ้านให้มีความลาดเอียงเพื่อให้น้ำสามารถไหลลงท่อระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้ระบบการจัดการน้ำที่มีคุณภาพ เช่น ท่อระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงที่ตกหนัก
5.เชื้อราและฝุ่น: ศัตรูที่ซ่อนอยู่ในเฟอร์นิเจอร์
ความชื้นไม่เพียงแค่ทำให้เกิดเชื้อราในอากาศเท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดเชื้อราบนพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้า เช่น โซฟา หรือที่นอน ซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือโรคระบบทางเดินหายใจได้หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
วิธีการป้องกัน
- ใช้บริการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าโดยเฉพาะที่นอน เพื่อกำจัดฝุ่นและเชื้อราที่อาจสะสม
- หมั่นซักทำความสะอาดผ้าห่ม ปลอกหมอน และพรม เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อรา
- ใช้เครื่องฟอกอากาศเพื่อช่วยลดฝุ่นและเชื้อราในอากาศ
6.กลิ่นอับ: สัญญาณของเชื้อราและความชื้น
นอกจากปัญหาสุขภาพแล้ว ความชื้นยังทำให้เสื้อผ้าและสิ่งของในบ้านมีกลิ่นอับ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อราหรือการหมักหมมของความชื้น การเก็บเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าที่ไม่ได้ระบายอากาศดีพอ หรือการไม่ตากเสื้อผ้าให้แห้งสนิทก่อนเก็บ อาจเป็นสาเหตุของปัญหานี้ได้
วิธีการป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการเก็บเสื้อผ้าที่เปียกหรือไม่แห้งสนิทในตู้
- วางเครื่องดูดกลิ่นในตู้เสื้อผ้าเพื่อช่วยลดกลิ่นอับ
- พยายามเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อให้มีการระบายอากาศบ้างในช่วงหน้าฝน
การดูแลบ้านในช่วงหน้าฝนมีความสำคัญมากต่อการรักษาสภาพบ้านและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ด้วยการป้องกันและดูแลอย่างสม่ำเสมอ เราสามารถลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความชื้นและน้ำฝน ทั้งนี้เพื่อให้บ้านของเรายังคงเป็นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับทุกคนในครอบครัว
✨ เปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวคุณให้หอมสดชื่นตลอดทั้งวันด้วย AIR SANITIZER & SCENT MANAGEMENT SYSTEM ✨
🏠✨ AIR SANITIZER & SCENT MANAGEMENT SYSTEM 🍀
ดีที่สุดของนวัตกรรม “ดีไฮจีนิค” ที่รวมความสะอาดและกลิ่มหอม
✨ หอม สะอาด ปลอดภัย ใส่ใจคนที่คุณรัก ❤ ✨ ด้วยเครื่อง Air Sanitizer
🥰 ช่วยคุณให้ผ่อนคลาย
😁 ลดความตึงเครียด
😴 ช่วยให้หลับสบายขึ้น
✨ สร้างบรรยากาศให้บ้านของคุณ
Love moment
หลับง่าย
กลิ่นจากสารธรรมชาติ มีส่วนช่วยให้ผ่อนคลาย หลับง่ายและหลับสบายตลอดคืน
Nano
ปล่อยกลิ่นด้วย Nano Technology ทำให้ได้กลิ่นที่สม่ำเสมอทั่วพื้นที่ใช้งาน และไม่เลอะพื้นผิว
ยาวนาน
การเติมน้ำหอมเพียง 1 ครั้ง สามารถปล่อยกลิ่นหอมได้ต่อเนื่องได้ยาวนาน
ทั่วถึง
สามารถปล่อยกลิ่นหอมครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางทั่วบริเวณ
ข้อดีของ Air Sanitizer and Scent Management System
● ปล่อยกลิ่นหอมได้อย่างสม่ำเสมออย่างยาวนาน
● ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ทั่วบริเวณ
● ตั้งวันที่ และเวลาทำการของเครื่องปล่อยน้ำหอมอัตโนมัติได้อย่างอิสระ
● น้ำหอมเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อคน และสัตว์เลี้ยง
● ปล่อยน้ำหอมด้วยวิธี Nano ไม่ทำให้พื้นเปรอะ หรือทำให้มีปัญหากลิ่นหอมไม่ทั่วถึง
● ติดตั้งง่าย สามารถติดได้ทั้งแบบตั้งพื้นและติดผนัง
● ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความสะอาด และการกระจายตัวของอากาศให้เหมาะกับสภาพพื้นที่นั้น